1. การเลือกผู้ร่วมทีม
เปตองเป็นกีฬาที่เล่นโดยมีผู้เล่น
2 ฝ่าย แบ่งการเล่นออกเป็นฝ่ายละ 3
คน ฝ่ายละ 2 คน และฝ่ายละ 1 คน ในการเล่นเปตองฝ่ายละ 1 คน
ไม่ค่อยมีปัญหาทั้งนี้เพราะเป็นการเล่นตัวต่อตัว
ผู้เล่นจะต้องใช้ความสามารถและเทคนิคเฉพาะตัว สำหรับการเล่นเปตองโดยมีฝ่ายละ 2 คน หรือ 3
คน
นอกจากผู้เล่นจะต้องใช้ความสามารถและเทคนิคเฉพาะตัวแล้วยังต้องอาศัยการเล่นเป็นทีมเวิร์ก(Tram Work) อีกด้วย
การเล่นเปตองเป็นทีมมักจะมีปัญหาเสมอ สำหรับนักกีฬาเปตองของประเทศไทยปัญหาที่พบบ่อยๆ
ก็คือ ภายในทีมมักจะมีความขัดแย้งกัน
นักกีฬาบางคนใช้อารมณ์ในขณะเล่นและนักกีฬาบางคนทำหน้าที่เป็นเผด็จการแต่ผู้เดียวไม่ฟังเสียงของเพื่อนรวมทีมหรือไม่ให้เพื่อนร่วมทีมมีส่วนในการตัดสินใจด้วย และในที่สุดเมื่อเล่นหรือแข่งขันเสร็จแล้วก็จะรวมตัวกันไม่ติด ต่างฝ่ายต่างก็แยกกันไปตั้งทีมใหม่ หรือเลิกเล่นไปเลย ปัญหาต่างๆ
เหล่านี้เป็นปัญหาในเรื่องของทีมเวิร์กแทบทั้งสิ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือการเลือกผู้ร่วมทีมที่ไม่ดีนั้นเอง
ในการเลือกผู้ร่วมทีมควรพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ
ดังนี้
1. ความสามารถทางร่างกาย ความสามารถทางร่างกายนี้แม้จะไม่มีมาตรฐานกำหนดไว้ว่า
ผู้เล่นเปตองจะต้องมีความสามารถและแข็งแรงทางร่างกายขนาดไหนเพียงใด
แต่จะต้องคำนึงถึงเพราะว่าในการเล่นเปตองส่วนมากแล้วเป็นการเล่นที่ใช้เวลานานตั้งแต่เช้าจรดเย็น
หรือทั้งวันทั้งคืนในกรณีที่เป็นการเล่นแบบมาราธอน ฉะนั้นผู้เล่นควรจะต้องมีร่างกายที่สมบูรณ์และมีความอดทนต่อความเมื่อยล้าและแสงแดดที่แผดเผา
2. ความสามารถทางจิตใจ
ความสามารถทางจิตใจของบุคคลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการเล่นกีฬาเปตอง ทั้งนี้
เพราะว่าคนที่จะเล่นเปตองให้ดีนั้นต้องมีจิตใจสมบูรณ์ ไม่เป็นคนขี้โมโห ฉุนเฉียวหรือมีลักษณะก้าวร้าวระรานผู้อื่น
หากผู้เล่นเป็นบุคคลขี้โมโหใช้แต่อารมณ์ก็จะทำให้ระส่ำระสาย ซึ่งอาจถึงขั้นทะเลาะกัน
ฉะนั้นในการเลือกผู้ร่วมทีมควรจะเลือกผู้ที่มีอารมณ์ที่เหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน เช่น
ถ้าเป็นผู้ที่สุขุมเงียบทั้งทีมก็ควรจะเป็นประเภทนี้ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ร่าเริงก็ควรจะร่าเริงทั้งทีม
แต่ทั้งนี้จะต้องไม่เป็นผู้ที่ใช้แต่อารมณ์และที่สำคัญสภาพจิตใจต้องสมบูรณ์ กล่าวคือ
ไม่ตื่นเต้นเมื่ออยู่ในเกมที่ตึงเคลียดหรือเกมที่สำคัญๆ
3. ความสามารถทางฝีมือ ความสามารถทางด้านนี้นับว่ามีความสำคัญมาก ผู้เล่นที่มีฝีมือใครก็อยากจะให้ร่วมทีมด้วย ฉะนั้น
ภายในทีมจะต้องมีผู้เล่นที่มีฝีมือหรือมีความสามารถในการเล่นเปตองด้วย มิใช่ว่าใครก็สามารถร่วมทีมได้ เพราะฉะนั้นแล้วจะทำให้ทีมไม่ประสบความสำเร็จ
4. เป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมทีม หรือสัมพันธภาพภายในทีม ผู้เล่นที่เพื่อนร่วมทีมไม่ยอมรับ หากมีองค์ประกอบอื่นๆ ครบถ้วน
เช่น มีความสามารถทางร่างกาย
จิตใจและมีฝีมือ
ก็ไม่สามารถที่จะทำงานกับเพื่อนร่วมทีมได้
ฉะนั้นภายในทีมจะต้องมีความยึดติดระหว่างผู้เล่นแต่ละคนอย่างเหนียวแน่นมีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันยอมรับซึ่งกันและกันก็จะช่วยเสริมสร้างการเล่นเปตองที่เป็นทีมได้อย่างดี
5. ความสมดุลของทีม
การเล่นเปตองเป็นทีมนั้นจะต้องจัดทีมให้มีความเหมาะสมหรือมีความสมดุล กล่าวคือ
หากเป็นการเล่นประเภททีม 2 คน
ก็ควรจะมีทั้งมือเกาะหรือมือวาง
และมือยิงหรือมือตี
หรือจะมีมือตีทั้งสองคนก็ได้แต่ทั้งนี้หมายความว่ามือยิงหรือมือตีทั้งสองคนจะต้องมีความสามารถในการเกาะด้วย และถ้าหากเป็นการเล่นเปตองประเภททีม 3 คน
ก็จะต้องมีการวางตัวผู้เล่นให้มีความสมดุลหรืออีกนัยหนึ่งจะต้องแบ่งหน้าที่ในการเล่นโดยจะต้องมีมือยิงหรือมือตี มือแก้เกมหรือมือสอง และมือเกาะ
ซึ่งหากไม่มีการแบ่งหน้าที่กันจะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือขัดใจกันได้
นอกจากการแบ่งงานกันทำดังกล่าวแล้ว
ภายในทีมควรจะมีหัวหน้าทีมทำหน้าที่ตัดสินใจในประเด็นปัญหาเล็กน้อย แต่หากเกิดเป็นปัญหาที่สำคัญ ควรจะต้องเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมร่วมตัดสินใจด้วย เช่น
ในกรณีอย่างนั้นควรทำอย่างไร จะเกาะหรือตี
หากความเห็นไม่ตรงกันควรจะได้มีการปรึกษาและร่วมกันตัดสินใจถึงวิธีการที่จะดำเนินการให้ได้ผลดี
เพื่อป้องกันมิให้เกิดการโต้เถียงกันซึ่งจะก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีในทีม และป้องกันมิให้มีการว่ากล่าวกันในภายหลังด้วย และประการสำคัญก็คือ เมื่อเพื่อนร่วมทีมได้ดำเนินการตามวิธีการที่ได้ตัดสินใจร่วมกันแล้วแต่ผลการดำเนินการไม่เป็นไปตามที่คาดก็ควรให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
6. ความประพฤติ
เป็นองค์ประกอบสุดท้ายในการเลือกผู้ร่วมทีมและเป็นองค์ประกอบที่สำคัญไม่แพ้องค์ประกอบอื่นๆ
ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว ทั้งนี้ เพราะว่าผู้เล่นที่มีความประพฤติไม่ดี เช่น
ดื่มสุราเป็นอาจิณทั้งในขณะทำการฝึกซ้อมและทำการแข่งขันก็จะทำให้สมรรถภาพทางกายและความสามารถในการเล่นถดถอยลง ฉะนั้น
ควรจะเลือกผู้ร่วมทีมที่มีความประพฤติดี
มีระเบียบวินัย
เคารพในกฎกติกาของกลุ่มด้วย
สรุป ในการเลือกผู้ร่วมทีมในการเล่นเปตองนั้น นอกจากจะพิจารณาองค์ประกอบทางร่างกาย จิตใจ
ฝึมือ การยอมรับของเพื่อนร่วมทีมแล้ว
จะต้องวางตัวผู้เล่นในทีมให้มีความสมดุลหรือมีความเหมาะสมในแต่ละทีม
บุคคลภายในทีมควรจะมีอุปนิสัยที่คล้ายคลึงกัน มีหัวหน้าทีม
เชื่อฟังซึ่งกันและกัน
มีความเกรงใจกัน
ใช้หลักการบริหารแบบมีส่วนร่วมเข้ามาช่วยในการตัดสินใจ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ผู้เล่นเป็นผู้ที่มีระเบียบวินัย มีความประพฤติดีและที่สำคัญคืออย่าใช้อารมณ์ส่วนตัวเป็นใหญ่ เพราะจะทำให้ผู้ร่วมทีมหมดอารมณ์ไปด้วย
2. การอ่านเกมและการแก้เกม
ในการเล่นกีฬาเปตองเพื่อการแข่งขันสิ่งที่มีความสำคัญประการหนึ่งก็คือ การอ่านเกมและการแก้เกม หรืออีกในหนึ่งก็คือการวางแผนการเล่น หากวางแผนการเล่นหรือแก้เกมไม่ถูกต้องก็อาจแพ้คู่ต่อสู้ที่มีฝีมือด้อยกว่าได้ การอ่านเกมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญเป็นอย่างมาก
การอ่านเกมและการที่จะแก้เกมให้ได้ผลนั้นสิ่งที่จะต้องพิจารณาและควรคำนึงถึงคือการใช้หลัก
“รู้เขารู้เรา” กล่าวคือ
จะต้องรู้ว่าผู้เล่นฝ่ายตนมีสมรรถนะในการเล่นอยู่ในระดับใดและคู่ต่อสู้แต่ละคนมีสมรรถนะเพียงใด
ความถนัดและความสามารถของตนเองและเพื่อนร่วมทีม
ก่อนอื่นผู้เล่นเปตองจะต้องรู้จักตนเองและเพื่อนร่วมทีมเสียก่อนว่ามีความถนัดในการเล่นเปตองในการเล่นแบบใดและมีความสามารถหรือสมรรถนะในทางใดเป็นพิเศษ
นอกจากจุดเด่นของแต่ละคนแล้วยังจะต้องพิจารณาจุดด้อยหรือจุดเด่นของตนเองและเพื่อนร่วมทีมด้วย
ความถนัดและความสามารถของคู่ต่อสู้
ความถนัดและความสามารถของคู่ต่อสู้เป็นสิ่งที่ผู้เล่นควรจะสังเกตและศึกษาไว้
พยายามศึกษาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้แต่ละคนมีความถนัดและความสามารถขนาดไหนเพียงใดนั้น หากเป็นคู่ต่อสู้ที่เคยแข่งขันหรือพบกันมาก่อนแล้วก็สามารถที่จะทราบได้
แต่ถ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่เคยพบกันมาก่อนก็สามารถที่จะรู้ความถนัดและความสามารถของคู่ต่อสู้ได้เมื่อแข่งขันกันไปแล้ว
2-3 เที่ยว หรือในระหว่างที่คู่ต่อสู้ทำการวฝึกซ้อมอยู่
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับไหวพริบของตนเองว่าจะสามารถสังเกตเห็นได้มากน้อยเพียงใด
จุดที่ควรสังเกตว่าตนเองและผู้ร่วมทีมรวมทั้งคู่ต่อสู้มีจุดเด่นและจุดอ่อนในเรื่องใด มีดังนี้
-
มือเกาะ
ชอบเล่นลูกเป้าระยะใกล้หรือไกล
และถนัดมือซ้ายหรือมือขวา
มีความสามารถในการตีหรือไม่
-
มือตี มีจุดอ่อนระยะเท่าใด ใกล้หรือไกล
และมีความสามารถในการเกาะหรือไม่
-
มือแก้หรือมือสอง
มีความสามารถในการตีหรือเกาะเพียงใด
รวมทั้งถนัดใช้มือข้างใด
-
คู่ต่อสู้ยืนหรือนั่งเข้าในลักษณะใด
เท้าชิดกันหรือห่างกัน
-
หากสนามขรุขระหรือเปียก
คู่ต่อสู่โยนลูกโด่งได้ดีเพียงใด
การวางแผนการเล่น เมื่อศึกษาสมรรถภาพของตนเอง
เพื่อนร่วมทีมและคู่ต่อสู่แล้วก็มาดำเนินการวางแผนการเล่น เช่น
สมมุติทราบว่ามือเกาะและมือแก้ของคู่ต่อสู่เล่นลูกระยะไกลไม่ดี
แต่ในขณะที่มือเกาะของฝ่ายเราเล่นลูกระยะไกลได้ดี เมื่อเราเป็นฝ่ายโยนลูกเป้าให้ทำการโยนในระยะ 8
– 10 เมตร หรือในกรณีที่มือตีของคู่ต่อสู้ตีแม่นในระยะไกล ก็ทำการโยนลูกเป้าในระยะใกล้ เป็นต้น
ดังนั้นการวางแผนการเล่นก็คือ
การกระทำในสิ่งตรงข้ามกับจุดเด่นหรือกระทำในสิ่งที่เป็นจุดด้อยของคู่ต่อสู้นั่นเอง
การแก้เกม
ในระหว่างที่ทำการแข่งขันจะมีปัญหาที่จะต้องทำการตัดสินใจลงไปว่าจะเล่นลูกใดหรือแก้เกมโดยวิธีใด
ซึ่งเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อเอาตัวรอดหรือพลิกแพลงสถานการณ์ให้ดีขึ้นจากฝ่ายเสียเปรียบให้อยู่ในฐานะได้เปรียบ การแก้เกมเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยประสบการณ์ ต้องจดต้องจำและต้องทดลองทำดู
3. กลยุทธอื่นๆ
นอกจากเทคนิคในการเล่นเปตองทั่วๆ
ไป
และเทคนิคที่จำเป็นสำหรับผู้เล่นกีฬาเปตองดังได้กล่าวแล้ว ผู้เล่นอาจจะมีกลยุทธอื่นๆ ในการเล่นเป็นของตนเองนอกเหนือไปจากที่กล่าวไปแล้วก็ได้ สำหรับกลยุทธอื่นๆ เช่น
1. กลยุทธในการดำเนินการเป็นฝ่ายรุก การเล่นเปตองไม่เพียงแต่ต้องบังคับให้คู่ต่อสู้เล่นในระยะหรือในทิศทางที่ฝ่ายตนต้องการหรือดำเนินการเล่นในลักษณะให้คู่ต่อสู้แก้ไขสถานการณ์เท่านั้น
หากมีโอกาสเป็นฝ่ายรุกก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสผ่านไป การดำเนินการเป็นฝ่ายรุกก็คือ การตีไล่ชนิดลูกต่อลูก แต่ทั้งนี้ผู้เล่นฝ่ายรุกจะต้องมีสมรรถนะในการตีที่แน่นอนและจะต้องพิจารณาสภาพสนามประกอบด้วย
หากสนามพื้นผิวขรุขระมากโอกาสที่จะเป็นฝ่ายรุกมีน้อย
2. การโยนกระทบ
การทำให้ลูกเปตองของคู่ต่อสู้ออกห่างไม่เพียงแต่ใช้วิธีการตีอย่างเดียวเท่านั้น
ในบางครั้งก็ใช้วิธีการโยนกระทบแทนในกรณีที่ต้องการจะหวังผล การโยนกระทบใช้ได้ในอีกลักษณะหนึ่ง คือ
การโยนกระทบลูกเปตองของฝ่ายตนเพื่อให้เข้าใกล้ลูกเป้าหรือให้เข้าไปในพื้นที่ที่ต้องการ เป็นต้น
3. การลากลูกเป้า
ใช้ในกรณีที่ลูกเปตองของฝ่ายตนเองไปรอรับอยู่ด้านบนของลูกเป้าและลูกเปตองของคู่ต่อสู้อยู่ใกล้ลูกเป้ากว่า หรือใช้ในกรณีที่ต้องการทำแต้มให้ได้มากๆ
เป็นต้น
4. การตีตัดแต้มและการตีเพื่อเปลี่ยนเกม
การตีตัดแต้มใช้กรณีที่ฝ่ายตนได้พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถที่จะโยนลูกเปตองให้ใกล้ลูกเป้าได้ดีกว่าหรือในกรณีที่ลูกเปตองของคู่ต่อสู้อยู่ใกล้ลูกเป้ารวมกันเป็นกลุ่มอยู่ก็อาจใช้วิธีการยิงลูกเปตองของคู่ต่อสู้ออกไปเพื่อตัดแต้มได้
ส่วนการยิงเพื่อเปลี่ยนเกมนั้นใช้ในกรณีที่เมื่อพิจารณาแล้วไม่สามารถที่จะโยนลูกเปตองให้ใกล้ลูกเป้าได้ดีกว่าคู่ต่อสู้
หรือในกรณีที่สนามที่พื้นผิวเกาะยากก็ใช้วิธีการตีลูกเปตองของคู่ต่อสู้ออกไปเพื่อเปลี่ยนเกมให้คู่ต่อสู้เล่นบ้างเพราะมิฉะนั้นแล้วหากพยายามเกาะให้ชนะคู่ต่อสู้มีโอกาสที่ลูกเปตองของฝ่ายตนจะหมดก่อนมีมาก
5. การสลับตัวผู้เล่น
บางครั้งผู้เล่นคนใดคนหนึ่งในทีมอาจจะมีจุดบอดหรือจุดอ่อนในระยะหรือทิศทางนั้นบ่อยๆ
ก็ควรสลับตัวผู้เล่นในทีมคนใดคนหนึ่งขึ้นมาเล่นแทนก่อน เช่น
หากมือเกาะเล่นได้ไม่ดีในระยะ 6 เมตร
ก็ให้มือสองหรือมือแก้ขึ้นมาทำหน้าที่มือเกาะแทนชั่วคราวก่อน 2 – 3
เที่ยว
แล้วจึงสลับให้มือเกาะมาเล่นตามหน้าที่เดิม
หรือให้มือสองขึ้นไปทำหน้าที่ตีแทนมือตีก่อนเมื่อเห็นว่ามือตีพลาดบ่อยๆ
เป็นต้น
6. การเขียนวงกลมให้เล็กลง
คู่ต่อสู้บางคนมีความถนัดในการเล่นในวงกลมขนาดใหญ่
การเขียนวงกลมให้มีขนาดเล็กลงแต่ไม่เล็กกว่าขนาดที่กติกากำหนดก็จะเป็นทางบีบคู่ต่อสู้ ทำให้คู่ต่อสู้ซึ่งเคยเล่นได้ดีกลับเป็นเล่นได้ไม่ดี เช่น
มือตีของคู่ต่อสู้ตีได้แม่นยำในวงกลมขนาดใหญ่ โดยยืนเท้าห่างกัน
เมื่อเปลี่ยนมาเล่นในวงกลมขนาดเล็กลงอาจทำให้ยิ่งได้ไม่แม่นยำได้
4. หลัก 10
ประการสำหรับการปฏิบัติตนในระหว่างแข่งขัน
1.
ศึกษาพื้นสนามแข่งขันว่าควรจะโยนลูกลักษณะใด
2.
ต้องมีสมาธิและการควบคุมอารมณ์ให้อยู่สภาพพร้อมที่จะเล่นและแข่งขัน
3.
ต้องมีความมั่นใจในตัวเองทุกครั้งขณะโยนหรือตีลูกเปตองออกไป
4.
ในการโยนหรือตีลูกเปตองทุกครั้งต้องมีการปรึกษากันก่อนภายในทีม
5.
หาจุดบกพร่องของตัวเองและของทีมให้ได้โดยเร็วเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
6.
ศึกษาวิธีการเล่นของฝ่ายตรงข้ามเพื่อสร้างเกมที่เหนือกว่า
7.
ไม่ควรตำหนิเพื่อนร่วมทีมในขณะแข่งขันโดยเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ
8.
ให้กำลังใจแก่เพื่อนร่วมทีมเสมอถึงแม้จะทำผิดพลาดก็ตาม
9.
ให้คิดอยู่เสมอว่าลูกเปตองทุกลูกที่โยนหรือตีออกไปนั้นมีค่าเสมอ
10.
อย่าเก่งคนเดียวเมื่อเล่นเป็นทีม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น