จากภาพข้างต้นนี้ลักษณะและทิศทางการเคลื่อนที่ของลูกเปตองระหว่างการโยนแบบเคลื่อนที่ตรงไปข้างหน้าโดยลูกที่ปล่อยออกไปจากมือจนกระทั้งกระทบพื้นสนาม
ลักษณะการหมุนกลับหลังของลูกจะเป็นแบบหมุนทำมุมฉากกับพื้นสนาม
เมื่อลูกตกกระทบพื้นสนามแล้วแรงส่งของช่วงแขนจะผลักลูกเปตองให้พุ่งไปข้างหน้า
ทำให้ลูกเปตองเคลื่อนที่ไปข้างหน้าในทิศทางหรือแนวตรงด้วย เมื่อดูตามภาพที่แสดงจากจุดตก 1
เคลื่อนที่ไปยังจุด 2
ในทำนองเดียวกันการโยนลูกโค้งหรือลูกไซด์
ก็ใช้หลักการเดียวกันคือเมื่อปล่อยลูกเปตองแบบสกรูเอียง เมื่อลูกเปตองตกพื้นจะต้องเคลื่อนที่ไปในแนวเอียงหรือแนนโค้งเช่นกัน
คำว่า
“สกรูเอียง” ในที่นี้เหมายถึง
ทิศทางการหมุนกลับของลูกเปตองโดยการบังคับของข้อมือและนิ้วมือขณะลูกเปตองถูกปล่อยออกจากมือที่ทำมุมกับพื้นสนามไม่เป็นมุมฉาก
นอกจากนี้ ทิศทางการเคลื่อนที่ของลูกเปตองจะไปทางซ้ายมือหรือขวามือ
จะขึ้นอยู่กับการบังคับของข้อมือและนิ้วมือว่าจะต้องให้ลูกเปตองหมุนกลับหลังในลักษรณะเอียงซ้ายหรือเอียงขวา ตามภาพนั้นทิศทางระหว่างหมายเลข 1 ไปยังหมายเลข 3 คือการโยนลูกแบบเอียงซ้ายและระหว่างหมายเลข 1 ไปยังหมายเลข
4 คือการโยนลูกแบบเอียงขวา
เมื่อพิจารณาจากภาพจะเห็นได้ว่า
จุดตกของลูกเปตองมีความสัมพันธ์กับลักษณะการโยน เช่น การโยนแบบสกรูตรง เมื่อลูกตกพื้นก็จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงเช่นกัน
ส่วนลูกโค้งนั้นหากจุดตกของลูกเปตองอยู่บริเวณเดียวกันกับการโยนแบบสกรูตรง
ลูกเปตองจะถูกบังคับให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าในลักษณะโค้งออกไปทางซ้ายมือและขวามือ
การโยนลูกโค้งมีอยู่
2 แบบคือ
การโยนแบบให้ลูกตกด้านขวามือแล้วลูกวิ่งโค้งไปทางด้านซ้ายมือเรียกกว่า
การโยนแบบขวาเข้าซ้าย
และการโยนแบบให้ลูกตกด้านซ้ายมือแล้วลูกวิ่งโค้งไปทางด้านขวามือเรียกกว่า การโยนแบบซ้ายเข้าขวา
ผู้เล่นที่ถนัดการโยนมือขวาจะโยนลูกโค้งแบบขวาเข้าซ้ายได้ดีกว่าแบบซ้ายเข้าขวาและในทางตรงกันข้ามผู้เล่นที่ถนัดการโยนมือซ้ายก็จะโยนลูกโค้งแบบซ้ายเข้าขวาได้ดีกว่าแบบขวาเข้าซ้าย
การโยนลูกโค้ง สามารถโยนได้ทั้งในท่านั่งและท่ายืน ทั้งการโยนแบบเลียด การโยนโด่งแบบกึ่งโด่ง และการโยนโด่ง แล้วแต่สภาพของสนามซึ่งผู้เล่นจะต้องใช้การสังเกตและการใช้วิจารญาณของตนเองในการตัดสินใจว่าจะโยนลักษณะใดและแบบใดเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น